บาเซิล ที่รัก (Basel) ตอนที่ 2
- Lost Heart In Swiss
- 4 มี.ค. 2560
- ยาว 1 นาที
"บาเซิล ที่รัก (Basel)" ความเดิมจากตอนที่แล้ว...
ก็เดินวนรอบๆ เมืองไปเรื่อยๆ คะ แวะชิมไอศครีมบ้าง กาแฟบ้าง ซึ่งอร่อยสุดๆ เพราะร้านที่ไปนั่งเป็นร้านของคนอิตาลี ซึ่งไอศรีมเขาก็มีชื่อเสียงอยู่แล้วเรื่องความอร่อย ไอศครีมที่นี่ก็เรียก "เจลาโต (Gelato)" มีหลากหลายรส รสมะม่วงก็มี แต่ไม่ใช่รสชาติมะม่วงแบบบ้านเราซะทีเดียวคะ ส่วนกาแฟจะนิยมดื่มแบบร้อนกันคะ (บ้านเขาเมืองหนาวเนอะ) พอไปสั่งกาแฟเย็น เจ้าของร้านก็งงนิดนึง แต่เพื่อนก็ช่วยสื่อสาร (ซาวด์แทร็คอิตาเลียน) จนได้กาแฟเย็นสูตรเฉพาะออกมา (^_^) ชื่นใจ เดินต่อได้...
เราแวะกันที่โบสถ์ "Basel Münster" เป็นโบสถ์ประจำเมือง และเป็นอีกหนึ่งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมือบาเซล (Basel) ภายนอกเป็นสีโทนอิฐแดง หอคอยคู่ใหญ่โตสวยงาม ซึ่งเราสามารถขึ้นข้างบนของหอคอยได้คะ ทางขึ้นจะค่อนข้างชันและแคบ มีมืดเป็นบางระยะ พอขึ้นไปถึงระดับหนึ่งจะมีทางแยกว่าเราจะยืนชมวิวที่หอคอยฝั่งไหน วิวสวย ลมพัดเย็นสบาย...

ตอนออกมาก็ถ่ายรูปด้านนอกอีกครั้ง เพื่อนชี้ให้ดูตัวนาฬิกาทางด้านหน้าของตัวโบสถ์ จะเป็นนาฬิกาแบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน และด้านเหนือขึ้นไปจะมีเสาเหล็ก ที่อาศัยแสงพระอาทิตย์ ทอดเงาไปยังผนังของโบสถ์ ที่มีเลขกำกับ เป็นนาฬิกาแบบโบราณ คนสมัยก่อนก็จะอ่านเวลาจากเงาคะ แต่มีความคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะปกติยุโรปจะมีการปรับเปลี่ยนเวลา 1 ชั่วโมง ช่วงหน้าหนาว (ประมาณเดือนตุลาคม) และหน้าร้อน

แวะต่ออีกที่น้ำพุ Fasnachbrunnen เป็นผลงานศิลปะของ ฌอง แตงก์ลี (Jean Tinguely) โดยถูกสร้างขึ้นประมาณ 40 กว่าปีที่แล้วคะ ประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ แล้วเพิ่มกลไก ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ยืนมองก็เพลินไปอีกแบบ เป็นอีกหนึ่งไฮไล ของเมืองบาเซิลคะ
ส่วนฝั่งตรงข้ามของน้ำพุ Fasnachbrunnen จะเป็นมองเห็นโบสถ์ใกล้ๆ ใหญ่และสวยงาม แต่ไม่ได้เข้าไปคะ เพราะว่าตอนนั้นเริ่มเหนื่อยแล้วก็เย็นมากแล้ว (ช่วงหน้าร้อนที่ยุโรปพระอาทิตย์จะตกค่ำๆ) เพื่อนจะพาไปเจอเพื่อนอีกกลุ่ม เพื่อย่างบาร์บิคิวกินที่ริมแม่น้ำไรน์ (Rhine River) ด้วยคะ ^_^ หิวๆ
"Miss You, Miss Switzerland"

댓글